อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
คือ
ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการก่ออาชญากรรมและกระทำความผิดนั้น
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
ได้มีผู้นิยามให้ความหมายดังนี้
-
การกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย
และผู้กระทำได้รับผลประโยชน์ตอบแทน
-
การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซึ่งใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เป็
นเครื่องมือและในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต้องใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน
การประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศจำนวนมหาศาล
อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์จึงจัดเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจหรืออาชญากรรมทางธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่มีความสำคัญ
ประเภทของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
1. Novice
อาชญากรมือใหม่หรือมือสมัครเล่น
เป็นพวกที่อยากทดลองความรู้และส่วนใหญ่จะไม่ใช่ผู้ที่เป็นอาชญากรโดยนิสัย
2. Darnged
person อาชญากรพวกจิตวิปริต เป็นพวกผิดปกติ
มีลักษณะนิสัยที่ชอบความรุนแรง
3. Organized
Crime อาชญากรที่ร่วมมือกันกระทำความผิดในลักษณะขององค์กรใหญ่ ๆ
4.
Career Criminal อาชญากรมืออาชีพ
5. Com
Artist อาชญากรหัวพัฒนา
เป็นพวกที่ชอบความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์
6. Dreamer
อาชญากรพวกบ้าลัทธิ
จะกระทำผิดเนื่องจากมีความเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรง
7. แคร็กเกอร์ Cracker คือบุคคลที่บุกรุกหรือรบกวนระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลด้วยเจตนาร้าย
cracker เมื่อบุกรุกเข้าสู่ระบบจะทำลายข้อมูลที่สำคัญทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออย่างน้อยทำให้เกิดปัญหาในระบบคอมพิวเตอร์ของเป้าหมาย โดยกระทำของ chacker
มีเจตนามุ่งร้ายเป็นสำคัญ
8. แฮกเกอร์ Hacker หมายถึงผู้ที่มีความสนใจอย่างแรงกล้าในการทำงานอันลึกลับซับซ้อนของการทำงานของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ใดๆ
ก็ตาม ส่วนมากแล้ว hacker จะเป็นโปรแกรมเมอร์
สามารถเข้าไปถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยเจาะผ่านระบบ
รักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ได้
9. อาชญากรในรูปแบบเดิม ๆ
ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด เช่น พยายามขโมยบัตร ATM และรหัสบัตรของผู้อื่น
(ที่มา : https://sites.google.com)
อาชญากรทางคอมพิวเตอร์
1.
พวกเด็กหัดใหม่ (Novice)
2.
พวกวิกลจริต (Deranged persons)
3.
อาชญากรที่รวมกลุ่มกระทำผิด (Organized
crime)
4.
อาชญากรอาชีพ (Career)
5.
พวกหัวพัฒนา มีความก้าวหน้า(Con
artists)
6.
พวกคลั่งลัทธิ(Dremer) / พวกช่างคิดช่างฝัน(Ideologues)
7.
ผู้ที่มีความรู้และทักษะด้านคอมพิวเตอร์อย่างดี (Hacker/Cracker
)
(ที่มา : http://nadeebah.blogspot.com,2556)
จริยธรรมในสังคมสารสนเทศ
(ที่มา : https://sites.google.com)
จริยธรรม คือ
เป็นหลักเกณฑ์ที่ประชาชนตกลงร่วมกันเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติร่วมกันในสังคม
ตัวอย่างการกระทำที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม
เช่น
- การใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายผู้อื่นให้เกิดความเสียหายหรือก่อความรำคาญ
- การใช้คอมพิวเตอร์ขโมยข้อมูล
-
การเข้าถึงข้อมูลหรือคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
จริยธรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี
โดยทั่วไปเมื่อพิจารณาถึงจริยธรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศแล้วจะกล่าวถึงใน
4 ประเด็นที่รู้จั
กันในลักษณะตัวย่อว่า PAPA
ประกอบด้วย
1. ความเป็นส่วนตัว ( Information Privacy ) ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและสารสนเทศ
หมายถึง สิทธิที่จะอยู่ตา
ลำพัง และเป็นสิทธิที่เจ้าของสามารถที่จะควบคุมข้อมูลของตนเองในการเปิดเผยให้กับผู้อื่น
สิทธินี้ใช้ได้ครอบคลุมทั้ง
ปัจจัยบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์การต่างๆ
2. ความถูกต้องของข้อมูล ( Accuracy ) ในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการรวบรวม
จัดเก็บ และเรียกใช้ข้อมูลนั้น คุณลักษณะที่สำคัญประการหนึ่งคือ
ความน่าเชื่อถือได้ของข้อมูล ข้อมูลจะมีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความถูกต้อง
ในการบันทึกข้อมูลด้วย ประเด็นด้านจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับความถูกต้องของข้อมูล
โดยทั่วไปจะพิจารณาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูลที่จัด
เก็บและเผยแพร่
ดังนั้นการจัดทำข้อมูลและสารสนเทศให้มีความถูกต้อง
น่าเชื่อถือนั้น ข้อมูลควรได้รับการตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะนำฐานข้อมูล
รวมถึงการปรับปรุงข้อมูลให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
นอกจากนี้ควรให้สิทธิแก่บุคลากรในการเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลของตน เองได้
3. ความเป็นเจ้าของ ( Intellectual Property )
สิทธิ
ความเป็นเจ้าของ หมายถึง กรรมสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สิน
ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินทั่วไปที่จับต้องได้
หรืออาจเป็นทรัพย์สินทางปัญญา(ความคิด)ที่จับต้องไม่ได้
แต่สามารถถ่ายทอดและบันทึกลงในสื่อต่างๆ ได้ เช่น สิ่งพิมพ์ แทป ซีดีรอม เป็นต้น
ทรัพย์สินทางปัญญาอาจคิด/สร้าง
หรือผลิตขึ้นจากบุคคลหรือองค์การ
ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้จะได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย
4. การเข้าถึงข้อมูล ( Data Accessibility )
ปัจจุบัน
การเข้าใช้งานโปรแกรมหรือระบบคอมพิวเตอร์มักจะมีการกำหนดสิทธิตามระดับของ
ผู้ใช้งาน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าไปดำเนินการต่างๆกับข้อมูลของผู้ใช้ที่
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเป็นการรักษาความลับของข้อมูลดังนั้นในการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์จึงได้มีการออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยใน
การเข้าถึงของผู้ใช้
และการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมนั้นก็ถือเป็นการผิด
จริยธรรมเช่นเดียวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตัว
สำหรับประเทศไทยก็ได้มีการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 6 ฉบับ คือ
1.
กฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
2. กฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
3.
กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
4.
กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
5.
กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
6. กฎหมายลำดับรอง รัฐธรรมนูญ มาตรา
78 หรือกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
(ที่มา : http://hardware-nstru.blogspot.com,2556)
จรรยาบรรณที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยึดถือไว้เป็นบทการปฏิบัติเพื่อเตือนความจำ
1.
ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายหรือละเมิดผู้อื่น
2. ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3.
ต้องไม่สอดแนมหรือแก้ไขเปิดดูในแฟ้มของผู้อื่น
4.
ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5.
ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
6.
ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
7.
ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
8.
ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
9.
ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมอันติดตามมาจากการกระทำ
10.ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ
กติกามารยาท
ดังนั้น
จรรยาบรรณเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมอินเทอร์เน็ตเป็นระเบียบความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นเรื่องที่จะต้องปลูกฝังกฎเกณฑ์ของแต่ละเครือข่ายจึงต้องมีการวางระเบียบเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีระบบและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
บางเครือข่ายมีบทลงโทษและจรรยาบรรณที่ชัดเจน
เพื่อช่วยให้สังคมสงบสุขและหากการละเมิดรุนแรงกฎหมายก็จะเข้ามามีบทบาทได้เช่นกัน
(ที่มา : https://sites.google.com)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น