การจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management)
การบริหารทรัพยากรมนุษย์
(Human
Resource Management = HRM) มีคำที่ใช้ใกล้เคียงกันหลายคำ เช่น การจัดการทรัพยากรคน
การจัดการงานบุคคล การจัดการกำลังคน และการบริหารงานบุคคล คำที่พบในตำราภาษาไทยมากคือ
คำว่า การบริหารงานบุคคล แต่ในปัจจุบันนิยมใช้คำว่าการบริหารทรัพยากรมนุษย์
ด้วยเหตุผลที่ว่ามนุษย์ถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่งและเป็นทรัพยากรที่สามารถปฏิบัติงานจนก่อให้เกิดผลงานสร้างสรรค์ต่อสังคมได้มากมายถ้าหากรู้จักนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์หรือเรียกว่าการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ถูกต้อง
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human
Resource Management) หมายถึง การจัดการในทุกๆด้านที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรในองค์การนั้นๆ ให้สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพเต็มความรู้ความสามารถของแต่ละบุคคลให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็เพิ่มพูนความรู้และความสามารถให้กับบุคลากรนั้นเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานอันจะก่อให้เกิดผลสำเร็จสูงสุดทั้งต่อองค์การและตัวบุคลากรนั้น ทั้งนี้รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในองค์การด้วยจัดเป็นงานที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีความหลากหลาย ต้องเสริมสร้างความสมรรถภาพการทำงาน ต้องลงทุนทั้งระยะเวลาและค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างทักษะและความชำนาญรวมไปถึงการสร้างสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้มีบรรยากาศการทำงาน และสำคัญคือจะต้องรักษาบุคลากรนั้นๆ ให้อยู่ในองค์การให้ได้ตลอดไป
ซึ่งหมายถึงการใช้คนให้ถูกวิธี ให้เหมาะกับงาน ให้ได้ผลงานมากที่สุด และรักษาคนดีให้อยู่ในองค์การให้นานที่สุด
การพิจารณาบทบาทหน้าที่และการควบคุมการทำงานของบุคลากรให้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพ
กระบวนการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1. ระยะการคัดเลือกหรือได้มาซึ่งทรัพยากรมนุษย์
ในกระบวนการนี้มีกิจกรรมสำคัญอยู่ 4 ขั้นตอน ได้แก่
1.1
ขั้นตอนการวางแผน เริ่มจากกำหนดอัตรากำลังทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
การคำนวณจำนวนบุคลากรที่จะรับตามกรอบอัตรากำลัง การจัดทำประวัติบุคลากร
การประเมินความเปลี่ยนแปลงของอัตรากำลัง เช่น
ลาออก โอน ย้าย หรือเกษียณ และการวางแผนพัฒนาทรัพยากร เช่น
ให้การศึกษาอบรมเพื่อเพิ่มทักษะ
1.2 ขั้นตอนการสรรหา เป็นการประกาศเชิญชวนผู้สนใจให้มาสมัคร และอาจสรรหาจากทรัพยากรภายในองค์การหรือภายนอกองค์การก็ได้แต่ต้องให้เหมาะสมกับหน้าที่งาน กระบวนการสรรหาเริ่มจากการสอบแข่งขัน การสัมภาษณ์ หรือวิธีการอื่นๆ ตามที่กำหนดไว้
1.3
ขั้นตอนการคัดเลือก วิธีการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานจะมีหลายรูปแบบหลักๆมักจะเป็นการ วัดความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นๆ
เช่น การตรวจสอบประวัติจากเอกสาร การ สัมภาษณ์ การทดสอบความรู้ การทดสอบภาคปฏิบัติ และการทดสอบทางจิตวิทยา
1.4 การปฐมนิเทศ
คือ การแนะนำให้เข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรระบบการทำงาน
2.
ระยะการควบคุมดูแลและรักษาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างปฏิบัติงานในองค์กร ประกอบด้วย
การประเมินผลงาน การจัดวางคน การฝึกอบรมและพัฒนา ระเบียบวินัย
การบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ การช่วยเหลือให้คำปรึกษา
การดูแลสุขภาพและความปลอดภัย
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์สามารถทำงานได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
3. ระยะสุดท้าย
คือการพ้นจากงาน
การจัดสวัสดิการตอบแทนหลังเกษียณหรือการพ้นจากงานในกรณีอื่นๆเช่นการเลิกจ้าง
(ที่มา : https://www.im2market.com)
วัตถุประสงค์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
การบริหารทรัพยากรมนุษย์
มีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะช่วยขยายบทบาทหน้าที่งานด้านทรัพยากรมนุษย์ให้มีขอบข่ายของการปฏิบัติที่กว้างขึ้น
เพื่อครอบคลุมดูแลการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรและองค์การ ดังนี้
1. เพื่อช่วยให้บุคลากรใช้ทักษะ
ความรู้ ความสามารถปฏิบัติงานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อช่วยองค์การดำเนินงานบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
2. เพื่อช่วยคัดสรรบุคลากรที่มีคุณภาพ
และมีแรงจูงใจใฝ่หาผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับสูงเข้ามาปฏิบัติงาน
3. เพื่อยกระดับความสามารถ
และสร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร
4.
เพื่อพัฒนา และธำรงรักษาบุคลากรที่มีคุณค่าให้ปฏิบัติงานในระดับที่พึงปรารถนาขององค์การ
นอกจากนี้
วัตถุประสงค์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาพรวมยังสามารถตอบสนองความต้องการในระดับต่างๆ
ได้ดังนี้
1. สนองความต้องการระดับสังคม (Society’s Requirment) โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่สังคมจะได้รับ
ให้บุคลากรทุกคนมีความเป็นอยู่อย่างเหมาะสม มีงานทำมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ
ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้มีความเป็นผู้นำที่ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และเป็นที่ต้องการของสังคม
2. สนองความคาดหวังระดับการบริหารขององค์การ
(Management’s ) ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ องค์การมีความคาดหวังที่จะได้บุคลากรที่มีศักยภาพในการปฏิบัติงานอย่างแท้จริง
ซึ่งจะส่งผลทำให้องค์การเจริญเติบโตก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นงานด้ายการบริหารทรัพยากรมนุษย์
จึงต้องตระหนักภาระหน้าที่ที่สำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดคนเข้าทำงาน
โดยดูแลตั่งแต่ก่อนเข้าปฏิบัติงาน ระหว่างปฏิบัติงาน และหลังปฏิบัติงาน
เพื่อสร้างความมั่นใจ ความศรัทธา ให้แก่บุคลากรทุกคนที่จะเข้ามาร่วมงาน
และสร้างความแข็งแกร่งให้องค์การต่อไป
3. สนองความต้องการระดับผู้ปฏิบัติงาน
(Employee’s Need) องค์การจะต้องตระหนักเสมอว่า
บุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานทุกคนต่างมุ่งหวังที่จะมีวิธีการดำรงชีวิตที่ดีในสังคม
ครอบครัวมีความสุข สังคมยอมรับยกย่อง และมีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ดังนั้น
ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์จึงไม่ควรละเลยต่อความต้องการพื้นฐานที่บุคลากรทุกคนควรจะได้รับ
เพราะ สิ่งเหล่านี้จะย้อนกลับมาสร้างความเจริญเติบโตให้แก่องค์การในท้ายที่สุด
ความสำคัญของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
ในการบริหารองค์กร
มนุษย์นับเป็นทรัพยากรสำคัญที่จำเป็นและต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์จำนวนมากในหลากหลายหน้าที่
เพราะทรัพยากรมนุษย์จะเป็นผู้สร้างสรรค์งานบริการและเป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพ
ที่เน้นคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัย และคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งการที่จะได้มาซึ่งทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ
การพัฒนาและการรักษาทรัพยากรมนุษย์ให้ทำงานให้กับองค์การอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ตลอดจนการออกจากองค์การไปด้วยดีนั้นล้วนต้องอาศัยการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดีดังนั้น
การจัดการทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญกับการบริหารองค์การดังต่อไปนี้คือ
1. ทำให้มีบุคลากรทำงานที่เพียงพอและต่อเนื่อง เนื่องจากการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดีจะต้องมีการวางแผน ทรัพยากรมนุษย์ โดยมีการทำนายความต้องการทรัพยากรมนุษย์ในอนาคต
ซึ่งต้องสัมพันธ์กับทิศทางและแผนงานขององค์การ
ตลอดจนกิจกรรมขององค์การที่คาดว่าจะมีในอนาคต นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงตลาดแรงงานของทรัพยากรมนุษย์เพื่อที่จะคาดการณ์ได้ว่าองค์การมีความต้องการทรัพยากรมนุษย์ประเภทใด
จำนวนเท่าใด เมื่อใดทำให้สามารถวางแผนการรับคนเข้าทำงาน การฝึกอบรมและพัฒนาและการหาทรัพยากรอื่นมาทดแทนถ้าจำเป็น
ซึ่งจะส่งผลให้องค์การมีบุคลากรทำงานอย่างเพียงพอตามความจำเป็น และมีบุคลากรที่ทำงานในหน้าที่ต่าง
ๆ อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการขยายหรือหดตัวของธุรกิจขององค์การ
ส่งผลให้องค์การสามารถดำเนินงานไปได้ตามทิศทางและบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
2. ทำให้ได้คนดีและมีความสามารถเข้ามาทำงานในองค์การ
การจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดีจะนำมาสู่กระบวนการ สรรหา คัดเลือกและบรรจุแต่งตั้งบุคคลที่เป็นคนดีและมีความสามารถสอดคล้องกับความต้องการขององค์การ
3. ทำให้มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การฝึกอบรมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นับเป็นบทบาทหนึ่งของการจัดการ ทรัพยากรมนุษย์ซึ่งการฝึกอบรมและพัฒนาจะเกี่ยวข้องกับคนที่ทำงานในองค์การ
ทั้งคนที่รับเข้ามาทำงานใหม่และคนที่ทำงานอยู่เดิม เพื่อเพิ่มศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์เหล่านี้ให้ทำงานได้
ทำงานเป็นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทำงานได้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง
ๆ ในการบริหารองค์การ
4. ทำให้มีการบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการแก่บุคลากรอย่างเหมาะสม
การจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่จะทำให้เกิด การพิจารณาเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ
เป็นการดึงดูดและรักษาคนให้คงอยู่กับองค์การ มีขวัญและกำลังใจในการทำงานให้กับองค์การ
5. ทำให้เกิดการป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนของบุคลากร ในการจัดการทรัพยากรมนุษย์จะมีการวางกฎ ระเบียบด้านวินัยของบุคลากรหรือคนทำงานให้เป็นไปตามสภาพลักษณะงานและวัตถุประสงค์ขององค์การ
6. ทำให้เกิดการประเมินผลงานของบุคลากรที่เหมาะสมและสนับสนุนคนทำงานดี การจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่มี การกำหนดกระบวนการประเมินผลงานของบุคคลากรที่ดีและเป็นธรรมจะส่งผลให้มีการให้รางวัล การเลื่อนตำแหน่งแก่ผู้ที่ปฏิบัติงานดีและการลงโทษผู้ที่ปฏิบัติงานไม่ดีและก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การ
อันเป็นการสร้างแรงจูงใจบุคลากรให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
7. ทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนทำงานด้วยกันและคนทำงานกับผู้บริหาร
เนื่องจากการจัดการทรัพยากร มนุษย์จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนทำงานด้วยกัน
และระหว่างคนทำงานกับผู้บริหารหรือแรงงานสัมพันธ์เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
และเป็นการลดความขัดแย้งและกรณีพิพาทต่าง ๆ ที่จะส่งผลลบต่อองค์การ
โดยสรุปแล้ว
การจัดการทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญต่อการบริหารองค์การ เพราะต้องใช้มนุษย์เป็นผู้ให้บริการที่สำคัญ
ซึ่งการจัดการทรัพยากรมนุษย์จะช่วยให้มีคนทำงานที่เพียงพอและต่อเนื่องได้ คนดีมีความสามารถมาทำงานที่เหมาะสมกับงาน
มีการรักษาคนให้อยู่กับองค์การโดยมีการพัฒนาการให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการ
และการประเมินผลที่เหมาะสม ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนทำงาน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถ
ใช้ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างเหมาะสมในการทำงานให้องค์การบรรลุตามวัตถุประสงค์
ขอบเขตของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
ขอบเขตของการบริหารทรัพยากรมนุษย์นั้นมีความกว้างและครอบคลุมหลายด้าน
ดังนี้
1.
ด้านบุคคล
การบริหารทรัพยากรมนุษย์เกี่ยวพันโดยตรงกับงานฝ่ายบุคคลส่วนต่าง ๆ เช่น
– การวางแผนเกี่ยวกับกำลังคนหรือการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
–
การสรรหาบุคลากร
–
การคัดเลือกบุคลากร
–
การบรรจุหรือแต่งตั้งบุคลากร
–
การโยกย้ายบุคลากร
–
การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
–
การฝึกอบรม ฝึกปฏิบัติการและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
–
การเลิกจ้างและการยุบตำแหน่ง
–
การจัดการบริหารค่าตอบแทน สวัสดิการและผลประโยชน์ที่พนักงานพึงได้
–
การสร้างแรงจูงใจด้วยการให้เงินเดือนขึ้น
–
การประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากร
2.
ด้านสวัสดิการ
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดการสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน
และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้เอื้ออำนวยต่อการทำงานให้มากที่สุด เช่น
–
การดูแลโรงอาหาร ห้องพักกลางวัน ห้องอาหาร
–
การจัดการที่พักอาศัยให้กับพนักงาน
–
การจัดการด้านการคมนาคมขนส่ง
–
การอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ เช่น ดูแลห้องพยาบาล
–
การจัดการการให้ทุน หรือส่งเสริมด้านการศึกษาให้กับพนักงาน
–
การจัดการบริหารค่าตอบแทนให้พนักงานอย่างเหมาะสม
–
การดูแลด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
–
การจัดการสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหรือจัดกิจกรรมสันทนาการให้กับพนักงาน
3.
ด้านความสัมพันธ์กับธุรกิจและองค์กร
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ยังครอบคลุมถึงการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรกับองค์กรในด้านต่าง
ๆ เช่น
–
การส่งเสริมเรื่องแรงงานสัมพันธ์
–
การจัดการการประชุมระหว่างผู้แทนนายจ้างและผู้แทนลูกจ้าง
–
การจัดการการเจรจาต่อรองระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
– การจัดการเรื่องการร้องทุกข์ของบุคลากร
–
การดำเนินการเกี่ยวกับระเบียบวินัยของพนักงาน
– การจัดการการระงับข้อพิพาทระหว่างนายจ้างและลูกจ้างและพนักงานทั่วไป
กระบวนการผลิต
กระบวนการผลิตประเภทใดที่ผู้ผลิต และบริษัทผู้ให้บริการใช้
ในการวางแผนการผลิตการตัดสินใจครั้งแรกเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตประเภทใด
วิธีสร้างสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุดเหมาะสมกับเป้าหมายของ บริษัท และความต้องการของลูกค้า
การพิจารณาที่สำคัญคือประเภทของสินค้าหรือบริการที่กำลังผลิตเนื่องจากสินค้าที่ต่างกันอาจต้องการกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน
โดยทั่วไปการผลิตมีสามประเภท: การผลิตจำนวนมากการปรับแต่งจำนวนมากและการปรับแต่ง
นอกเหนือจากประเภทการผลิต
ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการยังจัดประเภทกระบวนการผลิตในสองวิธี คือ
1. วิธีการแปลงอินพุตเป็นเอาต์พุตและ
2. ระยะเวลาของกระบวนการ
การผลิตจำนวนมากผลิตสินค้าที่เหมือนกันจำนวนมากในครั้งเดียวเป็นผลิตภัณฑ์ของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
รถยนต์ Model-T ของHenry
Fordเป็นตัวอย่างที่ดีของการผลิตจำนวนมาก
รถแต่ละคันเปิดออกโดยฟอร์ดโรงงานของนั้นเหมือนกันหมดไปจนถึงสีของมัน
หากคุณต้องการรถสีใดก็ได้ยกเว้นสีดำแสดงว่าคุณไม่มีโชคสินค้ากระป๋องยาที่ขายตามเคาน์เตอร์และเครื่องใช้ในครัวเรือนเป็นอีกตัวอย่างของสินค้าที่ผลิตเป็นจำนวนมาก
ความสำคัญในการผลิตจำนวนมากคือการรักษาต้นทุนการผลิตให้ต่ำโดยการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกันโดยใช้กระบวนการที่ทำซ้ำและได้มาตรฐาน
เมื่อผลิตภัณฑ์มีความซับซ้อนในการผลิตการผลิตจำนวนมากก็มีความซับซ้อนมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นผู้ผลิตรถยนต์จะต้องผนวกรวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความซับซ้อนเข้ากับการออกแบบรถยนต์ของพวกเขาเป็นผลให้จำนวนสถานีประกอบในโรงงานผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นสำหรับคุณโดยเฉพาะการปรับแต่งสินค้า ในการปรับแต่งจำนวนมากสินค้าจะถูกผลิตโดยใช้เทคนิคการผลิตจำนวนมาก
แต่จนถึงจุดหนึ่ง ณ
จุดนั้นผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการหรือความต้องการของลูกค้ารายบุคคล
ตัวอย่างเช่น American Leather ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ดัลลัสใช้การปรับแต่งจำนวนมากเพื่อผลิตโซฟาและเก้าอี้ตามข้อกำหนดของลูกค้าภายใน
30 วัน เฟรมพื้นฐานในเฟอร์นิเจอร์เหมือนกัน แต่เครื่องจักรตัดอัตโนมัติช่วยให้สีและประเภทของหนังสั่งซื้อจากลูกค้าแต่ละราย
โดยใช้เทคนิคการผลิตจำนวนมากพวกเขาจะถูกเพิ่มเข้าไปในแต่ละเฟรม
การปรับแต่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการผลิตจำนวนมาก ในการปรับแต่ง บริษัท
ผลิตสินค้าหรือบริการทีละครั้งตามความต้องการเฉพาะหรือความต้องการของลูกค้ารายบุคคซึ่งแตกต่างจากการปรับแต่งจำนวนมากแต่ละผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ผลิตมีเอกลักษณ์
ตัวอย่างเช่นโรงพิมพ์อาจจัดการกับโครงการที่หลากหลายรวมถึงจดหมายข่าวแผ่นพับเครื่องเขียนและรายงาน
งานพิมพ์แต่ละงานจะแตกต่างกันในปริมาณประเภทของกระบวนการพิมพ์การผูกสีของหมึกและชนิดของกระดาษบริษัทผลิตที่ผลิตสินค้าในการตอบสนองต่อคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เรียกว่าร้านงานการจำแนกประเภทการผลิต
กระบวนการผลิตอาหารกระป๋อง
(ที่มา : http://www.foodnetworksolution.com)
(ที่มา : คุณสมบัติ: มหาวิทยาลัยข้าวลิขสิทธิ์ OpenStax
ภายใต้ใบอนุญาต CC BY 4.0)
การแปลงอินพุตเป็นเอาต์พุต
ตามที่ระบุไว้ก่อนหน้าการผลิตเกี่ยวข้องกับการแปลงปัจจัยการผลิต
(ทรัพยากรธรรมชาติวัตถุดิบทรัพยากรมนุษย์ทุน) เป็นผลผลิต (ผลิตภัณฑ์หรือบริการ) ใน
บริษัท ผู้ผลิตปัจจัยการผลิตกระบวนการผลิตและผลลัพธ์สุดท้ายมักจะชัดเจน
ตัวอย่างเช่นHarley-Davidsonแปลงเหล็กยางสีและปัจจัยอื่น
ๆ เป็นรถจักรยานยนต์ แต่กระบวนการผลิตใน บริษัท
ที่ให้บริการเกี่ยวข้องกับการแปลงที่ชัดเจนน้อยกว่า
ตัวอย่างเช่นโรงพยาบาลแปลงความรู้และทักษะของบุคลากรทางการแพทย์พร้อมกับอุปกรณ์และวัสดุสิ้นเปลืองจากแหล่งต่างๆเพื่อการบริการด้านสุขภาพสำหรับผู้ป่วย
มีสองกระบวนการพื้นฐานสำหรับการแปลงอินพุตเป็นเอาต์พุต
ในการผลิตตามกระบวนการปัจจัยการผลิตขั้นพื้นฐาน (ทรัพยากรธรรมชาติวัตถุดิบ)
จะถูกแบ่งออกเป็นผลผลิตหนึ่งรายการหรือมากกว่า ตัวอย่างเช่นบอกไซต์ (อินพุต)
ถูกประมวลผลเพื่อแยกอลูมิเนียม (ผลลัพธ์) ขั้นตอนการประกอบเป็นเพียงที่อยู่ตรงข้าม
ปัจจัยพื้นฐาน เช่นทรัพยากรธรรมชาติวัตถุดิบหรือทรัพยากรมนุษย์ถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างผลผลิตหรือการเปลี่ยนแปลงเข้าไปในเอาต์พุต
ตัวอย่างเช่นเครื่องบินถูกสร้างขึ้นโดยการประกอบชิ้นส่วนหลายพันชิ้นซึ่งเป็นข้อมูลวัตถุดิบ
ผู้ผลิตเหล็กใช้ความร้อนในการเปลี่ยนเหล็กและวัสดุอื่น ๆ เป็นเหล็ก
ในการบริการลูกค้าอาจมีบทบาทในกระบวนการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างเช่นบริการจัดเตรียมภาษีรวมความรู้ของผู้จัดเตรียมภาษีกับข้อมูลของลูกค้าเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลเพื่อให้การคืนภาษีเสร็จสมบูรณ์
เวลาการผลิต ข้อพิจารณาที่สองในการเลือกกระบวนการผลิตคือกำหนดเวลา กระบวนการ
ที่ต่อเนื่องใช้ผลิตวิ่งยาวที่อาจมีอายุวันสัปดาห์หรือเดือนโดยไม่ต้องหยุดซ่อมบำรุงอุปกรณ์
เหมาะที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณมากและมีความหลากหลายต่ำพร้อมชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐานเช่นเล็บแก้วและกระดาษ
บริการบางอย่างยังใช้กระบวนการต่อเนื่อง บริษัท ไฟฟ้าท้องถิ่นของคุณเป็นตัวอย่าง
ต้นทุน ต่อหน่วยต่ำและการผลิตง่ายต่อการกำหนดเวลา
ในกระบวนการต่อเนื่องจะใช้การผลิตแบบสั้นเพื่อทำแบทช์ของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
เครื่องจักรจะปิดตัวลงเพื่อเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในเวลาต่างกัน
กระบวนการนี้ดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้อยและหลากหลายเช่นที่ผลิตโดยการปรับแต่งจำนวนมากหรือการปรับแต่ง
ร้านค้าหางานเป็นตัวอย่างของ บริษัท ที่ใช้กระบวนการไม่ต่อเนื่อง แม้ว่า บริษัท
ผู้ให้บริการบางรายจะใช้กระบวนการต่อเนื่อง แต่บริษัท
ผู้ให้บริการส่วนใหญ่มักใช้กระบวนการที่ไม่ต่อเนื่อง
ตัวอย่างเช่นร้านอาหารที่เตรียมอาหารรสเลิศแพทย์
ที่ทำการผ่าตัดและตัวแทนโฆษณาที่พัฒนาแคมเปญโฆษณาสำหรับลูกค้าธุรกิจล้วนแล้วแต่ปรับแต่ง
การบริการให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย พวกเขาใช้กระบวนการไม่ต่อเนื่อง
โปรดทราบว่า "การดำเนินการผลิต"
อาจสั้นมาก – ปลาแซลมอนย่างหนึ่งตัวหรือการตรวจร่างกายครั้งละหนึ่งครั้ง
(ที่มา : https://opentextbc.ca)
(ที่มา : https://opentextbc.ca)
กระบวนการทางการเงิน
กระบวนการทางการเงินหมายถึงวิธีการและขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์โดยสำนักงานการคลัง
พวกเขารวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการเก็บรวบรวมข้อมูลการจัดทำงบประมาณการวางแผน
(การวางแผนเชิงกลยุทธ์กำไรขาดทุนและการวางแผนงบดุลการวางแผนทรัพยากรบุคคลการวางแผนทุนการวางแผนโครงการการวางแผนกำลังการผลิตและกำลังการผลิตการ
วางแผนการขายและการดำเนินงานเป็นต้น)การคาดการณ์
(การพยากรณ์ระยะยาวการคาดการณ์การหมุนการพยากรณ์กระแสเงินสดและอื่นๆ)การสร้างแบบจำลองการเงินปิดการรวบรวมการรายงาน
(การจัดการตามกฎหมายการเปิดเผย)
(ที่มา
: https://www.tagetik.com)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น